Monkey - Paper Mario

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

บ่อน้ำร้อนเขาแดง บ้านถ้ำตลอด ต.เขาแดง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา

บ่อน้ำร้อนเขาแดง อยู่ที่หมู่ 7 บ้านถ้ำตลอดต.เขาแดง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
              เป็นบ่อน้ำร้อนที่เกิดจากธรรมชาติ มีความร้อนประมาณ 45 องศาฟาเรนไฮสามารถลวกไข่สุกภายใน 20 นาทีในน้ำร้อนมีแร่กำมะถัน ที่สามารถรักษาโรคผิวหนังได้ ช่วงตอนหัวรุ่ง ตอนเช้ามืด ชาวบ้านในหมู่บ้านนิยมไปอาบน้ำที่บ่อน้ำร้อนนี้กันเป็นจำนวนมากเราไปนั่งแช่น้ำแร่ที่บ่อน้ำร้อนนี้ตั้งแต่หกโมงเช้านั่งมองดูทัศนียภาพโดยรอบ....หากที่นี่มีการปรับปรุงทัศนียภาพบ่อน้ำร้อนแห่งนี้จะเป็นอีกสถานที่หนึ่ง....ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของคนทั่วไปอ.สะบ้าย้อย จว.สงขลา...เป็นอีกอำเภอหนึ่งที่เราเห็นว่า..มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายมีบรรยากาศดี วิถีชีวิตผู้คนอยู่กันอย่างเรียบง่ายหากมีการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว...อ.สะบ้าย้อย ก็จะเป็นที่รู้จัก....และได้รับการยอมรับด้านการท่องเที่ยว...











เคดิตภาพ:Link_conner55
 

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

"โครงการไม้ดอกเมืองหนาวหมู่บ้านปิยะมิตร 2"

ชมสวนไม้ดอกเมืองหนาวชมแห่งเดียวในภาคใต้ของประเทศไทยที่สวนหมื่นผุบฝา 勿洞万花园
"โครงการไม้ดอกเมืองหนาวหมู่บ้านปิยะมิตร 2" 
ตั้งอยู่ที่ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง  จังหวัดยะลา

เป็นโครงการที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแนะนำแนวทางปลูกไม้เมืองหนาวขึ้น เมื่อเสด็จเยือนครั้งแรกในปี พ.ศ.2537 เนื่องจากบริเวณหุบเขาส่วนนั้นอากาศหนาวปลูกยางพาราไม่ได้ผล โครงการนี้เป็นโครงการที่ช่วยให้ "ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยและอดีตชาวจีนมาลายูที่ตั้งกองกำลังต่อต้านรัฐบาลมาเลเซียอยู่ในแดนไทยเขตเบตงสมัยก่อนที่ออกมาจากป่ามาร่วมพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ให้มีรายได้และช่วยกันสร้างชาติไทย ปัจจุบันหุบเขาแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีไม้เมืองหนาวหลากสีคล้ายบนดอยทางภาคเหนือและไม้ดอกเหล่านี้เป็นสินค้าส่งออกเป็นพืชเศรษฐกิจอย่างหนึ่งของเบตง เช่น ดอกไฮเดรนเยีย เบญจมาศ กุหลาบ พีค๊อก เยอบีร่า ลิลลี่ และอีกหลายอย่างที่ไม่รู้จักชื่อ แต่สวย แปลงปลูกดอกไฮเดรนเยียมีลากสีสวยจนอยากซื้อกลับบ้าน 
ใครที่ชอบสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ  วิวถ่ายภาพสวยๆ ไปเที่ยวสิคะ รับรองถูกใจชั่วคะ
ที่เบตงอะไรๆก็มีภาษาจีนกำกับ ไม่ว่าจะเป็นชื่ออาหาร โรงแรม ชื่อสวน ชื่อดอกไม้ ฯ เพราะนักท่องเที่ยวหลักคือชาวมาเลย์เชื้อสายจีน *****ถ้าบังอื่นมีชาวเบตงคนท้องถิ่นมาอ่าน ช่วยเสริมได้นะคะ  ขอบคุณล่วงหน้านะคะ*******

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ประวัติศาสตร์ปัตตานีตอนที่ 4-5

ประวัติศาสตร์ปัตตานี
ตอนที่ 4



ประวัติศาสตร์ปัตตานี
ตอนที่ 5



วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร หรือ ป่าพรุโต๊ะแดง นราธิวาส





ป่าพรุผืนสุดท้ายของเมืองไทยที่ได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำลำดับที่ 1102 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 โดยครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโกลก และอำเภอสุไหงปาดี มีพื้นที่ประมาณ 120,000 ไร่ ทว่าส่วนที่สมบูรณ์นั้นเหลือเพียง 50,000 ไร่ ป่าพรุโต๊ะแดงแห่งนี้เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่าและพรรณไม้ โดยมีลำน้ำสำคัญหลายสายไหลผ่าน ได้แก่ คลองสุไหงปาดี แม่น้ำบางนรา และคลองโต๊ะแดง อันเป็นที่มาของชื่อป่านั่นเอง
กำเนิด “ป่าพรุ”
          ป่าพรุ หรือ peat swamp forest นั้น เกิดจากแอ่งน้ำจืดขังติดต่อกันชั่วนาตาปี และมีการสะสมของชั้นดินอินทรียวัตถุ ได้แก่ ซากพืช ซากต้นไม้ ใบไม้ที่ย่อยสลายอย่างช้า ๆ กลายเป็นดินพีท (peat) หรือดินอินทรีย์ที่มีลักษณะหยุ่นยวบเหมือนฟองน้ำ มีความหนาแน่นน้อย อุ้มน้ำได้มาก อีกทั้งพบว่ายังมีการสะสมระหว่างดินพีทกับดินตะกอนทะเลสลับชั้นกัน 2-3 ชั้น ทั้งนี้ เพราะน้ำทะเลเคยมีระดับสูงขึ้นจนท่วมป่าพรุ ทำให้เกิดการสะสมของตะกอน เมื่อน้ำทะเลถูกขังอยู่ด้านใน และพันธุ์ไม้ในป่าพรุตายไป ก็เกิดป่าชายเลนขึ้นมาแทนที่ ครั้นระดับน้ำทะเลลดลงและมีฝนตกลงมาสะสม ได้ชะล้างความเค็มจากน้ำที่ขังไปทีละน้อย ค่อย ๆ กลายเป็นน้ำจืด และก่อเกิดเป็นป่าพรุขึ้นอีกครั้ง ซึ่งดินพรุชั้นล่างนั้นมีอายุถึง 6,000-7,000 ปี ส่วนดินพรุชั้นบนอยู่ระหว่าง 700-1,000 ปี
ระบบนิเวศของป่าพรุ
          ระบบนิเวศของป่าพรุคือความน่าทึ่งของธรรมชาติ ที่สร้างสรรค์ให้ทุกชีวิตล้วนมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันอย่างน่าเรียนรู้ คุณจะพบไม้ยืนต้นที่มีระบบรากแขนงแข็งแรงแผ่ออกไปเกาะเกี่ยวกัน เพื่อจะได้ช่วยพยุงลำต้นของกันและกันให้ทรงตัวอยู่ได้ และนี่เองที่ทำให้ต้นไม้ในป่าพรุอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หากต้นใดล้ม ต้นอื่นจะล้มตามไปด้วย ทั้งนี้ พันธุ์ไม้ที่พบในป่าพรุนั้น มีกว่า 400 ชนิด บางอย่างนำมารับประทานได้ เช่น หลุมพี ซึ่งเป็นไม้ในตระกูลปาล์ม มีลักษณะต้นและใบคล้ายปาล์ม แต่มีหนามแหลมอยู่ตลอดก้าน ผลมีลักษณะคล้ายระกำ แต่เล็กกว่า รสชาติออกเปรี้ยว ชาวบ้านนำมาดองและส่งขายไปยังประเทศมาเลเซีย โดยฤดูเก็บลูกหลุมพีจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม หากนอกฤดูกาลแล้ว จะหายากและมีราคาสูง ขณะเดียวกันไม้บางอย่างก็เป็นพืชพรรณในเขตมาเลเซีย เช่น หมากแดง ซึ่งมีลำต้นสีแดง เป็นปาล์มชั้นดี ขายได้ราคางาม และมีผู้นิยมนำไปเพาะเพื่อประดับสวน เนื่องจากความสวยของกาบ ใบ และลำต้นที่มีสีแดงดังชื่อ นอกจากนี้ในป่าพรุยังมีพืชอีกหลายชนิดที่น่าสนใจ เช่น ปาหนันช้าง อันเป็นพืชในวงศ์กระดังงาที่มีดอกใหญ่ และกล้วยไม้กับพืชเล็ก ๆ ซึ่งต้องสังเกตดี ๆ จึงจะพบเห็น
สัตว์ประจำถิ่น
          ในป่าพรุนั้นมีสัตว์ป่าที่พบกว่า 200 ชนิด เช่น ค่าง ชะมด หมูป่า หมีขอ แมวป่าหัวแบน อันเป็นสัตว์คุ้มครองที่หายากชนิดหนึ่งของไทย หนูสิงคโปร์ ที่พบค่อนข้างยากในคาบสมุทรมลายู แต่กลับมีชุกชุมบนเกาะสิงคโปร์ สำหรับประเทศไทยพบในป่าพรุโต๊ะแดงนี้เท่านั้น  และหากป่าพรุถูกทำลาย หนูเหล่านี้อาจออกไปทำลายผลิตผลของเกษตรกรในพื้นที่โดยรอบได้ ส่วนพันธุ์ปลาที่พบ ได้แก่ ปลาปากยื่น ที่เป็นปลาชนิดใหม่ของโลกซึ่งพบที่ป่าพรุสิรินธรนี้เท่านั้น ปลาดุกรำพัน ที่มีรูปร่างคล้ายงู ซึ่งอาจพัฒนาเป็นปลาเศรษฐกิจที่ใช้เลี้ยงในแหล่งที่มีปัญหาน้ำเปรี้ยวได้ ปลากะแมะ รูปร่างประหลาดมีหัวแบน ๆ กว้าง ๆ และลำตัวค่อย ๆ ยาวเรียวไปจนถึงหาง มีเงี่ยงพิษอยู่ที่ครีบหลัง  ปลาเหล่านี้จะอาศัยป่าพรุเป็นพื้นที่หลบภัยและวางไข่ ก่อนแพร่ลูกหลานออกไปให้ชาวบ้านใช้ยังชีพ

สวรรค์นักดูนก
          นกในป่าพรุนั้นมีหลายชนิด แต่ชนิดที่เด่นๆ ได้แก่ นกกางเขนดงหางแดง พบมากในเกาะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว และมาเลเซีย ในประเทศไทยพบครั้งแรกที่นี่ เมื่อปีพ.ศ. 2530 นกจับแมลงสีฟ้ามาเลเซีย ซึ่งในประเทศไทยจะพบที่ป่าพรุสิรินธรเพียงแห่งเดียวเท่านั้น และปัจจุบันนกทั้งสองชนิดอยู่ในภาวะล่อแหลม เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

ฤดูกาลเหมาะสม
          คุณสามารถสัมผัสความเย็นสบายภายในป่าพรุได้เกือบตลอดทั้งปี เนื่องจากป่าพรุมีสภาพภูมิอากาศแบบคาบสมุทร มีฝนชุกตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวป่าพรุ คือระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน เพราะเป็นช่วงที่ฝนตกน้อยที่สุด ทำให้สามารถเดินชมป่าพรุได้สะดวกสบายกว่าช่วงเวลาอื่น
กิจกรรมน่าทำ
          นักท่องเที่ยวสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความสุขจากป่าพรุได้มากมาย ส่วนเด็กๆ ก็สามารถเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตจากธรรมชาติจริงที่เขาได้พบเห็น เพราะเพียงแค่เดินชมธรรมชาติเงียบๆ อาจได้เห็นสัตว์ป่ากำลังหาอาหารอยู่ เพียงเท่านี้ก็สามารถกระตุ้นการเรียนรู้ได้มากมายแล้วสำหรับเจ้าตัวเล็ก การเดินชมธรรมชาติของป่าพรุต้องเดินในเส้นทางที่จัดเตรียมไว้ซึ่งเป็นเส้นทางที่นำเราเข้าไปหาธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็ไม่ก้าวล่วงธรรมชาติมากเกินไปนัก ถ้าหากคุณนำคู่มือดูนก สมุดบันทึก ดินสอสี กล้องส่องตา กล้องถ่ายรูป และยาทากันยุงไปด้วย อาจเพลิดเพลินอยู่ภายในป่าพรุได้ตลอดทั้งวัน
          ทั้งนี้ ภายในศูนย์ฯ ได้จัดให้มีทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เพื่อประชาสัมพันธ์ความรู้ด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับธรรมชาติของป่าพรุ โดยเริ่มที่บึงน้ำด้านหลังอาคารศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร มีลักษณะเป็นสะพานไม้ต่อกัน ลัดเลาะเข้าไปในป่าพรุ ระยะทาง 1,200 เมตร  บางช่วงเป็นสะพานไม้ร้อยลวดสลิง บางช่วงเป็นหอสูงสำหรับมองทิวทัศน์เบื้องล่าง ที่ชอุ่มไปด้วยพรรณไม้ในป่าพรุ อีกทั้งตลอดทางจะพบป้ายชื่อต้นไม้ที่น่าสนใจอยู่ตลอด รวมทั้งซุ้มความรู้ที่ตั้งอยู่เป็นจุดๆ ที่นี่เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม นอกจากนี้ยังมีห้องจัดนิทรรศการให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวที่มาชมอีกด้วย
ข้อควรระวัง
          สิ่งที่ต้องให้ความระมัดระวังในป่าพรุ ก็คือ ยุงดำ อันเป็นพาหะนำโรคเท้าช้าง ซึ่งมีอยู่ชุกชุมและมักออกหากินในช่วงพลบค่ำ และไม่ควรสูบบุหรี่ภายในป่าพรุ เพราะอาจเกิดไฟป่าขึ้นได้ หากมีใครเผลอทิ้งก้นบุหรี่ลงไป ที่สำคัญเมื่อป่าพรุเกิดไฟป่าแล้ว จะดับยากมากกว่าป่าชนิดอื่น เพราะเชื้อเพลิงไม่ได้มีแค่ต้นไม้ในป่าเท่านั้น หากยังรวมไปถึงซากไม้และต้นไม้ที่ทับถมกันในชั้นดินพรุ ไฟจึงสามารถลุกลามลงไปใต้ดิน ทำให้การควบคุมเพลิงหรือดับไฟนั้นทำได้ลำบาก ไฟจะคุกรุ่นกินเวลานานนับเดือน ต้องรอจนกว่าจะมีฝนตกชุก จนเกิดน้ำท่วมผิวดินไฟจึงจะดับสนิท

การเดินทาง
          โดยรถไฟ : การเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยรถไฟนั้น ค่อนข้างสะดวกกว่ารถประจำทาง เพราะมีสถานีปลายทางอยู่ที่อำเภอสุไหงโกลก เมื่อมาถึงแล้วสามารถใช้บริการรถรับจ้างจากตัวเมืองสุไหงโกลกได้
          โดยรถยนต์ : จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่อำเภอตากใบ โดยใช้เส้นทางตากใบ - สุไหงโกลก (ทางหลวงหมายเลข 4057) ประมาณ 5 กิโลเมตร จะพบทางแยกเล็กๆ เข้าสู่ถนนชวนะนันท์ เข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปอีก 2 กิโลเมตร มีป้ายบอกทางเข้าสู่ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธรเป็นระยะ